เนื่องจากภาษีนำเข้าใกล้จะมาถึง ผู้ผลิตรถยนต์จึงพยายามจำกัดความเสี่ยงของตนเอง ตามรายงานล่าสุดของ Bloomberg ระบุว่า Mercedes-Benz อาจตอบสนองด้วยการไม่นำเข้ารถยนต์รุ่นราคาถูกที่สุด เช่น GLA-class และ CLA-class หรือบางทีอาจรวมถึง C-class ด้วย
สำหรับแบรนด์รถหรู รถระดับเริ่มต้นไม่ได้เน้นที่กำไรจากปริมาณมาก แต่เน้นที่การแนะนำลูกค้าให้รู้จักแบรนด์ หวังว่าผู้ที่เลือกซื้อ GLA แทน BMW หรือ Audi จะคุ้นเคยกับระบบอินโฟเทนเมนต์และบริการตัวแทนจำหน่ายของ Mercedes และพิจารณาเปลี่ยนไปใช้รุ่นที่มีราคาแพงกว่าเมื่อสัญญาเช่าหมดลง ทุกบริษัทต่างให้ความสำคัญกับความภักดีต่อแบรนด์เป็นอย่างมาก และ Mercedes ก็ไม่มีข้อยกเว้น
น่าเสียดายที่แม้ว่ารถยนต์อย่าง G-wagen จะมีความต้องการสูงมากจากลูกค้าที่มีเงินหนา ดังนั้นการปรับราคาขึ้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายมากนัก แต่การปรับราคาขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์เป็น GLA ราคา 42,000 ดอลลาร์หรือ CLA ราคา 46,000 ดอลลาร์อาจส่งผลกระทบต่องบประมาณได้ รถยนต์ซีดานหรูขนาดเล็กรุ่นนี้ผลิตที่เมืองเคชเคเมต ประเทศฮังการี ส่วนรถยนต์ SUV หรูขนาดเล็กรุ่นนี้ผลิตที่เมืองราสตัท ประเทศเยอรมนี ดังนั้นรถยนต์ทั้งสองรุ่นจึงต้องเสียภาษีศุลกากรที่สูงกว่ารถยนต์รุ่น Mercedes ที่ประกอบที่โรงงานของบริษัทในรัฐอลาบามา
โฆษกของ Mercedes-Benz กล่าวว่ารายงานดังกล่าว “ไม่มีมูลความจริง” และแบรนด์ดังกล่าวมุ่งเน้นที่การเติบโตของยอดขาย เมื่อปีที่แล้ว บริษัทสามารถเพิ่มปริมาณการขายได้เกือบ 10 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความสับสนเกี่ยวกับการใช้มาตรการภาษีนำเข้าอยู่บ้าง ผู้บริหารในอุตสาหกรรมทั้งหมดจะพิจารณาทางเลือกที่อาจดูไม่น่าจะเป็นไปได้เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แบรนด์หรูอย่าง Aston Martin ระบุว่าราคาจะเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ และ Ferrari ก็ได้ตอบสนองด้วยการขึ้นราคารถบางรุ่น แล้ว
เป็นไปได้ว่ารูปแบบดังกล่าวจะเกิดขึ้นซ้ำกับผลิตภัณฑ์บางรุ่นของ Mercedes-Benz โดยเฉพาะรถรุ่น AMG และ Maybach ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นกับรุ่นเริ่มต้นนั้นยังต้องติดตามดูกันต่อไป ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่มากในวันที่ภาษีศุลกากรที่กำลังจะมีผลบังคับใช้
อ้างอิง Car and Driver