Chery ตั้งเป้าส่งออกรถยนต์เกิน 5 ล้านคัน ถือเป็นรายแรกในอุตสาหกรรมรถของจีน

ดูเหมือนว่าค่ายรถจากประเทศจีนจะยังคงเดินหน้าบุกตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสงครามการค้าและกำแพงภาษี และล่าสุด ประธานบริษัท Chery อย่างคุณ Yin Tongyue (ยิน ทงยู) ประกาศที่งาน 2025 International Automotive and Supply Chain Expo (ฮ่องกง) เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนว่า Chery เตรียมเป็นผู้ผลิตรถยนต์จีนรายแรกที่ส่งออกรถยนต์สะสมเกิน 5 ล้านคันภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2025

นอกจากนี้ Chery ได้โชว์รถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) 12 รุ่นจาก 7 แบรนด์ย่อย ได้แก่ Chery, Exeed, Jetour, iCAR, Luxeed, Omoda และ Jaecoo ซึ่งครอบคลุมความต้องการด้านการเดินทางที่หลากหลาย ตั้งแต่การเดินทางในชีวิตประจำวันไปจนถึงการสำรวจแบบออฟโรด กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Chery ในด้านการใช้ไฟฟ้าและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์

ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม 2025 Chery Group ขายรถได้ทั้งหมดจำนวน 1,026,517 คัน เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่พุ่งขึ้น 111.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีเป็น 287,798 คัน ขณะที่การส่งออกอยู่ที่ 443,940 คัน ตอกย้ำสถานะของ Chery ในฐานะผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน โดยเฉลี่ยแล้ว รถยนต์ Chery หนึ่งคันส่งออกไปต่างประเทศทุก ๆ 29 วินาที

ในเดือนพฤษภาคมเพียงเดือนเดียวค่ายในเครือ Chery Automobile ขายรถยนต์ได้ 205,732 คัน (เพิ่มขึ้น 9.1%) รวมถึงรถยนต์ 191,567 คันของ Chery Automobile Co., Ltd. (เพิ่มขึ้น 7.2%) ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่เดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 63,169 คัน (เพิ่มขึ้น 47.7%) โดยมีการส่งออกทั้งหมด 100,737 คัน (เพิ่มขึ้น 7.7%) เมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคม ฐานผู้ใช้ Chery ทั่วโลกเกิน 16.7 ล้านคน โดยมีผู้ใช้ในต่างประเทศมากกว่า 4.94 ล้านคน

ในด้านการเงิน Chery รายงานรายได้ 182,150 ล้านหยวน และกำไรสุทธิ 11,310 ล้านหยวน สำหรับสามไตรมาสแรกของปี 2024 ในงานนิทรรศการ Chery ได้จัดแสดงเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงเครื่องยนต์ Kunpeng Tianqing ประสิทธิภาพ 48% มอเตอร์ไฟฟ้าความเร็วสูง 30,000 รอบต่อนาที และผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ เช่น หุ่นยนต์ Mogu

ผู้บริหารยืนยันว่ารายได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ที่วางแผนไว้จะสนับสนุนการวิจัยและพัฒนารถยนต์พลังงานใหม่และการขยายตลาดต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในระยะยาวของ Chery ต่อการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

ที่มา Carnewschina