นักวิเคราะห์ระบุ การที่ Porsche เข้าสู่ยุครถไฟฟ้าเร็วเกินไป ส่งผลให้บริษัทประสบวิกฤต

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผา่นมาค่าย Porsche ถือว่าไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก เพราะแบรนด์รถสปอร์ตและรถหรูจากเยอรมนีต้องเผชิญกับยอดขายที่ลดลง ตามมาด้วยสงครามการค้าทำให้ภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงของรถยนต์ไฟฟ้าในจีน นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า การพัฒนารถไฟฟ้าของ Porsche เกิดปัญหาทำให้ไม่สามารถพัฒนาได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ค่าย Porsche ประสบปัญหาในตอนนี้ จากรายงานของ Automotive News ได้ระบุว่าเป็นเพราะการปรับกลยุทธ์เปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เร่งรีบเกินไปและไม่ยืดหยุ่นเป็นสาเหตุ และได้ระบุว่าการที่เป้าหมายของ Porsche ที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้า 80 เปอร์เซ็นต์ทั่วโลกภายในปี 2030 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาของบริษัท

และเนื่องจากการนำการพัฒนาแบตเตอรี่ล่าช้ากว่ากำหนด ส่งผลให้ Porsche ต้องพัฒนาโมเดลเครื่องยนต์สันดาปเพิ่มเติมเพื่อทำกำไร และต้นทุนการพัฒนารถ EV ที่สูงเกินคาด และยอดขายในจีนที่ลดต่ำลง และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของ สหรัฐฯ” ส่งผลให้เกิดปัญหาในตอนนี้

ในเดือนกุมภาพันธ์ Porsche เลิกจ้างพนักงานฝ่ายวิจัยและการผลิต 1,900 คนในโรงงานที่เยอรมนี โดยอ้างว่าเป็นเพราะ การชะลอการเพิ่มกำลังผลิตยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ทางค่ายยังลดเป้ารายได้เหลือ 2.2 พันล้านเหรียญ

โดยนักวิเคราะห์จาก Automotive News กล่าว่า Porsche จะไม่ประสบปัญหานี้ หากใช้ “แนวทางการผลิตที่ยืดหยุ่นมากขึ้น” ด้วยไฮบริดแบบปลั๊กอินและแพลตฟอร์มที่ใช้ร่วมกันมากขึ้น เช่นเดียวกับที่ BMW ทำ ก็จะสามารถปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปได้เร็วขึ้น

นอกจากนี้ ปัญหาของ Porsche ยังมาจากแข่งขันที่รุนแรงในตลาดประเทศจีนอีกด้วย ยอดขายของ Porsche ในไตรมาสแรกลดลง 42 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคู่แข่งสำคัญคือ Xiaomi SU7 Ultra และ Yangwang U9 ที่มีแรงม้าใกล้เคียงงกับรถของ Porsche แต่มีราคาถูกกว่ามาก

สรุปโดยรวมปัญหาที่ทำให้ผู้บริหาร Porsche ปวดหัวอยู่ตอนนี้เป็นเพราะแผนงานที่เปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าล้วนประสบปัญหาการผลิตและล่าช้า ประกอบกับตลาดในประเทศจีนที่มีการแข่งขันสูง และสภาพเศรษฐกิจที่ดี อาจทำให้ผู้บริหารของบริษัทปวดหัวเพิ่มเติมได้ในอนาคตอันใกล้

ที่มา Motor1