Neta Auto เคยถูกมองว่าเป็นม้ามืดในบรรดาบริษัทสตาร์ทอัพด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีน แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นศูนย์กลางของการแย่งชิงอำนาจที่อาจกำหนดชะตากรรมของบริษัทได้ แหล่งข้อมูลหลายแห่งได้ยืนยันว่าผู้ถือหุ้นที่เป็นของรัฐในบริษัทแม่ของ Neta ซึ่งก็คือ Hozon New Energy Automobile กำลังจะดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการเพื่อปลด Fang Yunzhou ผู้ก่อตั้งออกจากตำแหน่งประธานและซีอีโอ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นท่ามกลางข่าวปัญหาการเงินของ Neta จนถึงขึ้นปิดบริษัท
ความตึงเครียดได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนมีนักลงทุนที่เป็นของรัฐอีกรายหนึ่งกำลังผลักดันให้ Hozon เข้าสู่การปรับโครงสร้างใหม่ภายใต้ภาวะล้มละลาย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจเกิดการล่มสลายของบริษัทสตาร์ทอัพ EV ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจีน และล่าสุดมีผู้พบว่าโลโก้ของ Neta ที่สำนักงานใหญ่ได้ถูกถอดออกภายในชั่วข้ามคืน และไม่ได้มีการระบุสาเหตุว่าทำไมถึงต้องถอดโลโก้ออกจากตัวตึก

วกกลับมาที่ปัญหาของ Neta ที่ไม่สามารถแก้ได้ง่าย ๆ เพราะเป็นการรวมทุนระหว่างเอกชนเข้ากับทุนของรัฐ ทำให้เกิด แความขัดแย้ง โดยภาครัฐที่เน้นการลงทุนแบบความมั่นคงในระยะยาว ที่ขัดแย้งกับกลยุทธ์ของผู้บริหาร Neta เพราะต้องการขยายตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลักดันเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป้าหมายของเขาในการสร้างกำไรภายในปี 2026 ซึ่งเป็นแผนงานระยะสั้นที่ใช้เงินทุนสูงกว่า
การล่มสลายทางการเงินยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานอีกด้วย แหล่งข่าวภายในรายงานว่าหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระให้กับซัพพลายเออร์เกิน 6,000 ล้านหยวน โดยยักษ์ใหญ่ด้านแบตเตอรี่อย่าง CATL อยู่ในกลุ่มที่หยุดการจัดส่ง ส่งผลให้การผลิตภายในประเทศของ Neta ต้องหยุดชะงักลง ส่งผลให้คำสั่งซื้อจากต่างประเทศล่าช้าออกไปอีก แม้ว่าจะได้รับสินเชื่อมูลค่า 2.15 พันล้านหยวน ในประเทศไทยก็ตาม
ยอดขายของ Neta ตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากยอดขายสูงสุดในปี 2022 ด้วยยอดขาย 152,000 คัน ในปี 2023 ยอดขายลดลงเหลือ 127,500 คัน และร่วงลงเกือบครึ่งหนึ่งในปี 2024 เหลือเพียง 64,549 คัน รายงานการเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก การปิดโชว์รูม และการประท้วงของซัพพลายเออร์ทำให้การรับรู้ของสาธารณชนแย่ลง แม้แต่การลดต้นทุนอย่างก้าวร้าว เช่น การให้แรงจูงใจด้านหุ้นแก่พนักงานและการปรับกระบวนการทางธุรกิจก็ไม่สามารถรักษาเสถียรภาพของบริษัทได้
ปัญหาสภาพคล่องของ Neta ก็แย่ลง การเสนอให้แปลงหนี้เป็นทุนเพื่อลดหนี้ของซัพพลายเออร์ก็หยุดชะงักเช่นกัน ทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ก็ต้องดูว่าทาง Neta จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร เพราะรถ Neta เป็นหนึ่งในค่ายรถจากประเทศจีนที่ประสบความสำเร็จในแง่ยอดขาย

ที่มา Carnewschina