ยอดส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีนพุ่งสูงขึ้น 19% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยเป็นข้อมูลในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2025 ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยสำนักงานศุลกากรทั่วไปเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน การส่งออกผลิตภัณฑ์การผลิตอุปกรณ์มีมูลค่า 6.22 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 9.2% จากปีก่อน คิดเป็น 58.3% ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ

Chery เป็นผู้นำผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศในด้านการส่งออกรถยนต์ทั้งหมด โดยมีการส่งออก 250,800 คันในช่วง 5 เดือนแรก ตามมาด้วย MG (เป็นเจ้าของโดย SAIC) ด้วยการส่งออก 168,700 คัน Geely อยู่ในอันดับที่สามด้วยการส่งออก 160,900 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง 103.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ที่น่าสังเกตคือ 70,600 คันของ Geely ส่งออกไปยังตลาดยุโรป

BYD อยู่ในอันดับ 4 ด้วยจำนวน 159,300 คันที่ส่งออก อย่างไรก็ตาม มีเพียง 61.05% เท่านั้นที่เป็นยานยนต์ไฟฟ้าล้วน ส่วนที่เหลือเป็นรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการ BEV ในต่างประเทศที่ต่ำกว่าตลาดในประเทศ ตามมาด้วย Haval ด้วยจำนวน 90,700 คัน โดย 95.35% เป็นรถสันดาบ และมีการเติบโตมากกว่า 80% เมื่อเทียบเป็นรายปี
Changan ซึ่งอยู่ในอันดับที่หก ส่งออกรถยนต์ 82,100 คัน แต่กลับลดลงอย่างรวดเร็วถึง 29.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำให้เป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของจีนเพียงรายเดียวที่มียอดขายลดลง ส่วนแบรนด์อื่นๆ ใน 10 อันดับแรก ได้แก่ Roewe (48,700 คัน) Jetour (41,500 คัน) GAC’s Trumpchi (30,800 คัน เพิ่มขึ้น 253.04%) และ JAC (27,200 คัน)

การค้าระหว่างจีนกับคู่ค้าสำคัญยังคงเติบโตต่อไป โดยการส่งออกไปยังอาเซียนเพิ่มขึ้น 16.9% การส่งออกไปยังสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 13.7% การส่งออกไปยังแอฟริกาเพิ่มขึ้น 35.3% และการส่งออกไปยังห้าประเทศในเอเชียกลางเพิ่มขึ้น 8.8% การค้ากับประเทศในแอฟริกาเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมีมูลค่ารวม 963,200 ล้านหยวน (ประมาณ 133,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยการส่งออกคิดเป็นมูลค่า 599,600 ล้านหยวน (ประมาณ 83,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 20.2%
นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่าแรงผลักดันที่ต่อเนื่องในการส่งออก โดยเฉพาะการผลิตอุปกรณ์และยานยนต์ไฟฟ้า แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของภาคการค้าของจีนท่ามกลางความไม่แน่นอนระดับโลก ที่เต็มไปด้วยความผัวผวนและกำแพงภาษีรวมทั้งสงครามการค้า

ที่มา Carnewschina