คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ให้เก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกขนาดเบา 25 เปอร์เซ็นต์จากทุกคันที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา แม้ว่าฝ่ายบริหารชุดปัจจุบันจะบอกว่าคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ต่อไป แต่บรรดานักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมบางส่วนยังคงไม่มั่นใจ และมีการคาดเดากันอย่างมากมาย
ตามรายงานของ Associated Press รัฐบาลกำลังเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมนอกเหนือจากการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ รวมถึงเรียกเก็บภาษีจากจีน แคนาดา และเม็กซิโก ทำเนียบขาวยังเรียกร้องให้เพิ่มโทษทางการค้าสำหรับเหล็กและอลูมิเนียม และเรียกเก็บภาษีกับประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากเวเนซุเอลาอีกด้วย มีแผนที่จะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมสำหรับผลิตภัณฑ์ยา ไม้แปรรูป ทองแดง และชิปคอมพิวเตอร์
“การประกอบขั้นสุดท้ายคือจุดหนึ่งในห่วงโซ่อุปทาน และตัวแทนจำหน่ายคืออีกจุดหนึ่ง และยังต้องดูกันต่อไปว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต้นทุนขั้นสุดท้ายเหล่านี้” Will Hardeman หุ้นส่วนผู้จัดการของ Continental Automotive Group กล่าว “ผมคิดว่ามันจะถูกแบ่งปันกันทั่วทั้งบริษัท”
เจ้าของตัวแทนจำหน่ายบางราย เช่น Kenny Covert ในเท็กซัส ยังคงรักษาความเชื่อมั่นไว้ด้วยความระมัดระวัง
“ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราคาของเราสูงขึ้น ราคาของผู้บริโภคก็มักจะสูงขึ้นตามไปด้วย” Covert ผู้จัดการหุ้นส่วนของ Covert Auto Group กล่าว “แต่ผมยังคิดว่าทรัมป์เป็นนักธุรกิจด้วย ผมไม่คิดว่าเขาจะปล่อยให้ยอดขายของ Big Three ตกต่ำลง”
ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศรายงานว่าจำนวนผู้สัญจรเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคต้องการซื้อรถยนต์คันใหม่ก่อนที่จะมีการกำหนดภาษีศุลกากร หลักฐานเชิงประจักษ์นี้สนับสนุนโดยข้อมูลจาก AutoPacific ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดรถยนต์ ซึ่งได้ทำการสำรวจผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2025 ข้อมูลดังกล่าวเผยให้เห็นว่าผู้ซื้อรถยนต์ใหม่ร้อยละ 18 ทั่วประเทศวางแผนที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่ก่อนกำหนดเพื่อหลีกเลี่ยงราคาที่สูงขึ้นอันเป็นผลจากภาษีศุลกากรที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
Ed Kim ประธานบริษัท AutoPacific กล่าวว่า “ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายคาดการณ์ถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ และได้ผลิตและจัดส่งสินค้าคงคลังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากโรงงานรถยนต์นอกสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีศุลกากรจะมีผลบังคับใช้ ดังนั้น แม้ว่าความต้องการจะพุ่งสูงขึ้น แต่ก็ยังมีข้อเสนอดี ๆ สำหรับรถยนต์นำเข้าก่อนการขึ้นภาษีศุลกากรมากมายก่อนที่จะมีการประกาศในวันที่ 2 เมษายน”
ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์รายอื่น ๆ ไม่ค่อยกระตือรือร้นนัก เช่น Jim Seavitt เจ้าของตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ดรายนี้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ดีทรอยต์ ฟรี เพรสว่ายอดขายรถยนต์ในมิชิแกนของเขาลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ และตอนนี้ “ทุกอย่างลดลง 40 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์”
“มันทำให้ผมนึกถึงปี 2551 เมื่อเกิดวิกฤตสินเชื่อที่อยู่อาศัย” ซีวิตต์กล่าว “ดูเหมือนว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤต”
ธุรกิจของ Covert ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2452 และเขามีประสบการณ์หลายชั่วอายุคนในการต้านทานพายุในตลาด
“ผมเริ่มทำธุรกิจนี้ในปี 2000 ดังนั้นผมจึงได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ 9/11 เราประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักอยู่พักหนึ่ง” เขากล่าว “ผมสามารถรับฟังพ่อและลุงของผมเกี่ยวกับการดำเนินการแบบประหยัดและการควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นหลักการพื้นฐานของธุรกิจ ผมดำรงตำแหน่งผู้บริหารในปี 2008–2009 และดำเนินการในลักษณะเดียวกัน นั่นคือ คุณต้องดำเนินการแบบประหยัด ทำงานอย่างชาญฉลาด ทำงานหนักขึ้น และทุ่มเทเวลาให้มากขึ้น”
อ้างอิง Car and Driver