Stellantis เป็นบริษัทยักษใหญ่ที่มีค่ายรถในเครือมากมาย ที่กำลังประสบปัญหายอดขายในปี 2024 โดยก่อนหน้านี้ CEO ของค่ายอย่าง Carlos Tavares ได้ลาออก แต่ดูเหมือนว่าปัญหาจะยังคงมีมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดการการขึ้นภาษีศุลกากรมหาโหดของ รัฐบาล ทรัมป์ ทำให้สถานการณ์ของ Stellantis อาจเลวร้ายกว่าเดิม
และดูเหมือนว่าค่าย Alfa Romeo และ Maserati ซึ่งเป็นสองแบรนด์ที่ประสบปัญหาหนักกว่าแบรนด์อื่นๆ Stellantis ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาการจัดการ McKinsey and Company เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการขึ้นภาษีศุลกากร โฆษกของบริษัทกล่าวกับ Automotive News Europe ว่า McKinsey ” Stellantis กำลังหาทางแก้ปัญหาทางการเงินของ Alfa Romeo และ Maserati
และเหตุที่ทั้ง 2 ค่ายจะมีปัญหาหนัก เพราะยอดขายในอเมริกาของ Alfa Romeo ขายรถได้เพียง 8,865 คันตลอดทั้งปี ซึ่งลดลง 19 เปอร์เซ็นต์จากปี 2023 แต่สถานการณ์ของ Maserati แย่ลงมาก แบรนด์หรูนี้ขายรถได้ 11,300 คันทั่วโลก โดยขายได้เพียง 4,819 คันในสหรัฐอเมริกา และหากต้องเสียภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 25 เปอร์เซ็นต์มีผลบังคับใช้กับรถยนต์ทุกคันที่นำเข้ามาในสหรัฐอเมริกายิ่งทำให้ยอดขายน่าจะลดลงอีกเพราะราคาต้องเพิ่มขึ้น
ทำให้มีแนวคิดว่า Stellantis อาจจะมีการร่วมทุนกับบริษัทอื่น ที่มาร่วมทุนรถทั้ง 2 ค่าย แม้แต่แนวคิดว่าอาจจะมีการขาย Alfa Romeo และ Maserati เช่นการร่วมมือกับผู้ผลิตรถจากเอเชีย ก็ต้องดูว่าปัญหาสงครามการค้าจะส่งผลทำให้ค่ายรถเก่าแก่จากอิตาลีได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน

ที่มา Motor1