การมาของยุครถ EV อาจจะมาเร็วกว่าที่คาดในประเทศจีน เพราะมีรายงานว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะเปลี่ยนผ่านจากรถสันดาปภายใน มาเป้นรถไฟฟ้าล้วน
และมีรายงาน รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฮบริด มีส่วนช่วยลดความโดดเด่นของรถยนต์ที่ใช้น้ำมันล่วนลง และ ภายในปี 2025 รถไฟฟ้าล้วนจะแซงหน้ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นครั้งแรก
ตามการคาดการณ์จากบริษัทลงทุนรายใหญ่ เช่น UBS, HSBC, Morningstar และ Wood Mackenzie คาดว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนจะแตะระดับ 12 ล้านคันในปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 20% จากปี 2023 ในขณะเดียวกัน คาดว่ายอดขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะลดลง 10% หรือต่ำกว่า 11 ล้านคัน หากสัดส่วนตัวเลขเหล่านี้ยังคงอยู่ รถไฟฟ้าจะแซงหน้ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน
และหากย้อนกลับไปในปี 2020 รัฐบาลจีนตั้งเป้าให้รถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 50% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมดภายในปี 2035 ด้วยอัตราความเร็วนี้ ประเทศจะก้าวข้ามเป้าหมายนั้นเร็วกว่ากำหนดถึง 10 ปีเต็ม และสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาจเกิน 18 ล้านคันภายในปี 2034 ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดย Financial Times ในขณะเดียวกัน ยอดขายของรุ่น ICE จะลดลง และในปี 2034 อาจลดลงเหลือเพียง 2.93 ล้านคัน
ในปี 2025 คาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริดจะขายได้มากกว่าปีใดๆ ก็ตาม โดยจะแตะระดับ 4.39 ล้านคัน และอาจเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงจุดสูงสุดที่ 6.05 ล้านคันในปี 2033 รถยนต์ไฮบริดแบบอาจอยู่ระหว่าง 730,000 ถึง 1 ล้านคันในทศวรรษหน้า
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะแข็งแกร่งในอนาคตอันใกล้นี้ การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้แบรนด์ที่ไม่แข็งแรงพอต้องปิดตัว เนื่องจากตลาดกำลังเข้าสู่การรวมตัวกัน รถยนต์ไฟฟ้าเตรียมแซงหน้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันในจีนในปี 2025 เร็วกว่ากำหนด 10 ปี
โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของจีนไปสู่รถต์ไฟฟ้ายังหมายถึงโรงงานที่ผลิตยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในหลายล้านคันต้องปิดตัว แบรนด์ต่างประเทศก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน ในปี 2024 ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ต่างประเทศลดลงเหลือเพียง 37% เมื่อเทียบกับ 64% ในปี 2020 ซึ่งส่งผลให้ผู้ผลิตจากเยอรมนี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ สูญเสียรายได้จำนวนมากจากการขายรถในประเทศจีน

ที่มา Carsscoops